รังสียูวี คืออะไร
คนส่วนใหญ่รู้ดีว่ารังสียูวีเป็นอันตรายแค่ไหนกับผิว และเราต่างลงทุนลงแรงกันอย่างมากมายในการพยายามปกป้องผิวจากอันตรายที่เกิดจากรังสียูวี อย่างไรก็ตาม มีคนเพียงจำนวนน้อยที่ตระหนักรู้ถึงพิษภัยของรังสียูวีที่มีต่อดวงตา
ถึงแม้ว่าเครื่องมือที่มนุษย์สร้างขึ้นมา เช่น เตียงอบผิวแทน, แสงเลเซอร์, และเครื่องเชื่อมเหล็ก สามารถปล่อยรังสียูวีได้เช่นกัน แต่แน่นอนว่าแหล่งที่มาหลักของรังสียูวีคือ ดวงอาทิตย์ รังสียูวีมีอยู่ด้วยกัน 3 รูปแบบ คือ:
- รังสียูวีซี ซึ่งส่วนใหญ่ของรังสีนี้ถูกชั้นโอโซนดูดกลืนไว้เกือบหมด จึงถือว่าไม่เป็นอันตราย อย่างไรก็ตาม อย่างที่เราทราบกันดีว่าชั้นโอโซนถูกทำลายไปมากแล้ว ดังนั้น รังสียูวีซีจึงอาจทะลุทะลวงลงมาทำร้ายเราได้ในวันหนึ่ง
- รังสียูวีเอ และยูวีบี
ทำไมเราจึงต้องการปกป้องดวงตาจากรังสียูวี
การได้รับรังสียูวีในปริมาณที่เข้มข้นเป็นเวลาเพียงสั้นๆ ก็อาจทำให้เกิดจอประสาทตาอักเสบได้ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็น “ผิวไหม้แดด” ที่ดวงตา ถึงแม้อาการจากการถูกแดดไหม้ตา เช่น ตาแดง, ระคายเคืองตา, เจ็บตา, ตาไวต่อแสง และมีน้ำตาเยอะ จะทำให้รู้สึกไม่สบายอย่างยิ่ง แต่โชคดีที่อาการเหล่านี้จะเป็นอยู่เพียงชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม การที่ดวงตาได้รับรังสียูวีเป็นเวลานาน อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคตาบางชนิด เช่น ต้อกระจก, จอประสาทตาเสียหาย, ต้อเนื้อ (เยื่อตายื่นเข้าไปในกระจกตา), และจอประสาทตาเสื่อม.
นี่คือเหตุผลที่เราควรปกป้องดวงตาจากรังสียูวี เช่นเดียวกับที่เราใช้ครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิว การปกป้องดวงตาจากรังสียูวีเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งในการถนอมสายตา ในขณะที่แว่นกันแดดอาจดูเหมือนเป็นทางเลือกที่ง่าย และใช้ป้องกันแสงได้ดีพอสมควร แต่มีวิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่านั้นสำหรับคนที่ใส่แว่นสายตาเป็นประจำ อย่าลืมขอให้ช่างแว่นตาช่วยจัดการเคลือบสารป้องกันรังสียูวีบนผิวเลนส์แว่นตาให้คุณด้วย
เลนส์/แว่นตาป้องกันรังสียูวีคืออะไร
สารเคลือบกันรังสียูวีบนเลนส์ใสสามารถป้องกันรังสียูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่แว่นตาเลนส์พลาสติกแบบธรรมดาสามารถกันรังสียูวีได้พอสมควรแล้ว แต่การเพิ่มชั้นป้องกันรังสียูวีย้อมสีที่มองไม่เห็นบนผิวเลนส์จะช่วยเพิ่มการปกป้องได้เต็ม 100%
ในฐานะผู้ผลิตเลนส์แว่นตารายใหญ่ที่สุดในโลก เป็นเวลานานมาแล้วที่เราพยายามนำเสนอและผลักดันแนวคิดว่าทุกๆ คนควรให้ความสำคัญกับปกป้องดวงตาด้วยความกระตือรือล้น เหมือนกับที่เอาใจใส่ดูแลผิวพรรณ เอาซีลอร์เป็นผู้ริเริ่มพัฒนาค่าดัชนีการป้องกันรังสียูวีบนเลนส์แว่นตา (E-SPF™) ค่าดัชนีนี้เป็นค่าที่บอกระยะเวลาที่เลนส์สามารถปกป้องรังสียูวีจากดวงตาและผิวบริเวณรอบดวงตา เช่นเดียวกับครีมกันแดด ยิ่งตัวเลขสูง ยิ่งมีระยะเวลาการปกป้องนานขึ้น ยกตัวอย่างเช่น E-SPF™ 50+ เป็นค่าดัชนีการปกป้องสูงสุด
คนมักสับสน คิดว่าแว่นป้องกันยูวีคือสิ่งเดียวกับแว่นกันแดด ถึงแม้ว่าจะมีคุณลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่มีความแตกต่างหลายอย่างในแง่ของประโยชน์ และลักษณะการใช้งาน
เลนส์กันรังสียูวี
- ปกป้องได้ดีทั้งวันแดดจ้าและวันที่มีเมฆครึ้ม
- ตัวเคลือบผิวป้องกันรังสียูวีจากดวงอาทิตย์ที่เป็นอันตรายได้มากถึง 99%
- เลนส์กันรังสียูวีส่วนมากมีชั้นฟิล์มป้องกันรังสียูวีฝังอยู่ในเนื้อเลนส์ ซึ่งช่วยรักษาเลนส์ไม่ให้เสื่อมสภาพ
- แว่นอันเดียวรับมืออยู่ทั้งกลางแจ้งและในร่ม จึงไม่ต้องพกแว่นสองอัน
แว่นกันแดด
- ไม่มีความจำเป็นต้องใส่ถ้าไม่มีแดด
- การต้องพกทั้งแว่นสายตาและแว่นกันแดดไปด้วยกันเป็นภาระที่น่าเบื่อหน่าย
- ถึงแม้ว่าแว่นกันแดดบางชนิดจะมีสีเข้ม แต่ไม่ได้หมายความว่าจะสกัดกั้นรังสีได้ทั้งหมดเสมอไป สิ่งสำคัญคือคุณต้องแน่ใจว่าแว่นกันแดดของคุณสามารถบล็อครังสียูวีได้อย่างน้อย 99%
- สารเคลือบกันรังสียูวีบนแว่นกันแดดราคาถูกอาจจะเสื่อมสภาพลงเมื่อใช้ไปนานๆ
เพื่อได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากทั้งสองอย่าง คุณสามารถเลือกใช้ เลนส์ทรานสิชั่นส์ ซึ่งปรับสีได้ตามสภาพความเข้มของแสง หมายความว่า เมื่อออกไปเจอแดดกลางแจ้ง แว่นตาจะเปลี่ยนเป็นสีเข้ม และเปลี่ยนกลับเป็นแว่นตาใสเมื่ออยู่ในห้องที่มีแสงสลัว
ไม่มีคำว่าเร็วเกินไป หรือช้าเกินไป
ผู้ปกครองควรแน่ใจว่าเลนส์แว่นตาของลูกมีการเคลือบสารปกป้องรังสียูวี เพราะเลนส์แก้วตาของเด็กนั้นใสกว่าผู้ใหญ่ จึงมีความอ่อนไหวต่ออันตรายจากรังสียูวีมากกว่า
ถึงแม้ว่าแว่นสายตาที่คุณใส่อยู่จะยังไม่ได้เคลือบสารป้องกันรังสียูวี และคุณไม่อยากเปลี่ยนแว่น คุณสามารถนำแว่นไปเคลือบสารกันยูวีเพิ่มได้
สอบถามช่างแว่นตาเกี่ยวกับสารเคลือบเลนส์ป้องกันรังสียูวี